บันทึกการเรียนครั้งที่ 7

บันทึกการเรียนครั้งที่ 7
8 มีนาคม 2562

กิจกรรมที่ 1
วันนี้เป็นการทบทวนความรู้เดิมจากที่เราเรียนมา 

การเล่น คือ วิธีการที่ทำให้เกิดการเรียนรู้และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อการอยู่รอด

การเล่น ความสัมพันธ์ กับการทำงานของสมอง

การทำงานของสมอง ทำให้ เกิดการซึมซับ

การจึงซับ ทำให้ เกิดโครงสร้างความรู้ใหม่




จากนั้นอาจารย์ก็ได้ทบทวนเกี่ยวกับทฤษฎีของเพียเจต์ 

ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์ มีสาระสรุปได้ดังนี้

พัฒนาการทางสติปัญญาของบุคคลเป็นไปตามวัยต่าง ๆ เป็นลำดับขั้น ดังนี้

1. ขั้นประสาทรับรู้และการเคลื่อนไหว (Sensori-Motor Stage) เริ่มตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 2 ปี พฤติกรรมของเด็กในวัยนี้ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวเป็นส่วนใหญ่

2. ขั้นก่อนปฏิบัติการคิด (Preoperational Stage) เริ่มตั้งแต่อายุ 2-7 ปี แบ่งออกเป็นขั้นย่อยอีก 2 ขั้น คือ

- ขั้นก่อนเกิดสังกัป (Preconceptual Thought) เป็นขั้นพัฒนาการของเด็กอายุ 2-4 ปี เป็นช่วงที่เด็กเริ่มมีเหตุผลเบื้องต้น สามารถจะโยงความสัมพันธ์ระหว่างเหตุการณ์2เหตุการณ์ หรือมากกว่ามาเป็นเหตุผล เกี่ยวโยงซึ่งกันและกัน แต่เหตุผลของเด็กวัยนี้ยังมีขอบเขตจำกัดอยู่

- ขั้นการคิดแบบญาณหยั่งรู้ นึกออกเองโดยไม่ใช้เหตุผล (Intuitive Thought) เป็นขั้นพัฒนาการของเด็ก อายุ 4-7 ปี ขั้นนี้เด็กจะเกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ รวมตัวดีขึ้น รู้จักแยกประเภทและแยกชิ้นส่วนของ

3. ขั้นปฏิบัติการคิดด้านรูปธรรม (Concrete Operation Stage) เริ่มจากอายุ 7-11 ปี พัฒนาการทางด้านสติปัญญาและความคิดของเด็กวัยนี้สามารถสร้างกฎเกณฑ์และตั้งเกณฑ์ในการแบ่งสิ่งแวดล้อมออกเป็นหมวดหมู่ได้

4. ขั้นปฏิบัติการคิดด้วยนามธรรม (Formal Operational Stage) เริ่มจากอายุ 11-15 ปี ในขั้นนี้พัฒนาการทางสติปัญญาและความคิดของเด็กวัยนี้เป็นขั้นสุดยอด คือเด็กในวัยนี้จะเริ่มคิดแบบผู้ใหญ่ ความคิดแบบเด็กจะสิ้นสุดลง เด็กจะสามารถที่จะคิดหาเหตุผลนอกเหนือไปจากข้อมูลที่มีอยู่

พัฒนาการทางการรู้คิดของเด็กในช่วงอายุ 6 ปีแรกของชีวิต 
ซึ่งเพียเจต์ ได้ศึกษาไว้เป็นประสบการณ์สำคัญที่เด็กควรได้รับการส่งเสริม มี 6 ขั้น ได้แก่

1. ขั้นความรู้แตกต่าง (Absolute Differences) เด็กเริ่มรับรู้ในความแตกต่างของสิ่งของที่มองเห็น

2. ขั้นรู้สิ่งตรงกันข้าม (Opposition) ขั้นนี้เด็กรู้ว่าของต่างๆ มีลักษณะตรงกันข้ามเป็น 2 ด้าน เช่น มี-ไม่มี หรือ เล็ก-ใหญ่

3. ขั้นรู้หลายระดับ (Discrete Degree) เด็กเริ่มรู้จักคิดสิ่งที่เกี่ยวกับลักษณะที่อยู่ตรงกลางระหว่างปลายสุดสอง ปลาย เช่น ปานกลาง น้อย

4. ขั้นความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง (Variation) เด็กสามารถเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ เช่น บอกถึงความเจริญเติบโตของต้นไม้

5. ขั้นรู้ผลของการกระทำ (Function) ในขั้นนี้เด็กจะเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของการเปลี่ยนแปลง


6. ขั้นการทดแทนอย่างลงตัว (Exact Compensation) เด็กจะรู้ว่าการกระทำให้ของสิ่งหนึ่งเปลี่ยนแปลงย่อมมีผลต่ออีกสิ่งหนึ่งอย่างทัดเทียมกัน

กิจกรรมที่ 2  อาจารย์ให้แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3  คน แต่จะมีหนึ่งกลุ่มที่จะได้อยู่ 2 คน กิจกรรมนี้อาจารย์ให้เลือกทำสื่อการสอนคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย โดยอาจารย์มีมาให้เลือก

แต่ละกลุ่มเลือกได้ดังนี้
กลุ่มที่1 เรื่องตัวเลข
กลุ่มที่2 จำนวน
กลุ่มที่3 การวัด
กลุ่มที่4 กราฟแท่ง
กลุ่มที่5 กราฟเส้น
กลุ่มที่6 ความสัมพันธ์สองแกน
กลุ่มที่7 คานดีดจากไม้ไอติม
กลุ่มที่8 ร้อยลูกปัดฝาขวด
กลุ่มที่ 9 บวกเลขจากภาพ

กลุ่มของดิฉันเลือกทำเป็นคานดีดจากไม้ไอติม
จากนั้นอาจารย์ก็ให้เขียนชื่อสมาชิกในกลุ่ม
และเขียนอุปกรณ์ที่ต้องใช้ส่งอาจารย์ เพราะสัปดาห์ต่อไปอาจารย์
จะได้จัดหามาให้ และอาจารย์ให้คำแนะนำวิธีการและขั้นตอนในการทำสื่อชนิดๆต่างของแต่ละกลุ่ม


บรรยากาศในห้องเรียน



คำศัพท์

1.Concrete             รูปธรรม
2.Intelligence         สติปัญญา
3.Compare             เปรียบเทียบ
4.Absorb                ซึมซับ
5.New knowledge ความรู้ใหม่
6.Acknowledge     รับรู้
7.Change               เปลี่ยแปลง
8.Structure            โครงสร้าง
9.Behavior             พฤติกรรม
10.Shape                 รูปร่าง

ประเมินตนเอง

มาเรียนตรงเวลา ตั้งใจฟังอาจารย์สอนทุกครั้ง
แต่งกายเรียบร้อย ไม่ส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนคนอื่น


ประเมินเพื่อน

เพื่อนๆทุกคนตั้งใจฟังอาจารย์สอนและอธิบายงายเป็นอย่างดี
ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมทุกกิจกรรม

ประเมินอาจารย์

อาจารย์ให้คำแนะนำและขั้นตอนวิธีการทำสื่อเป็นอย่างดี
ทำให้นักศึกษานำไปปฏิบัติตามได้อย่างง่าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น